เปิดใจครูสอนนาฏศิลป์ เกิดมาไม่เคยได้ยิน “กะเทยห้ามรำหน้าไฟ” จวกทำร้ายจิตใจเด็ก
(12 พ.ค. 62) ในโลกโซเชียลได้มีการแชร์คลิปเหตุการณ์ในพิธีฌาปนกิจศพ ขณะน้องๆ นักเรียนซึ่งแต่งชุดนางรำ เพื่อที่จะรำหน้าไฟส่งดวงวิญญาณผู้ตายไปขึ้นสวรรค์
>> โซเชียลขัดใจ โฆษกเอ่ยตำนาน “กะเทยห้ามรำหน้าไฟ” เดี๋ยวไม่ได้ขึ้นสวรรค์
แต่ทันใดนั้นพิธีกรในงานได้ออกมาประกาศว่า “การรำหน้าไฟความจริงเป็นเช่นไรนั่นก็คงไม่มีใครทราบ แต่มีผู้รู้เขาเล่าไว้ว่า มีพระมหากษัตริย์ กรุงพาราณศรีสวรรคต แล้วจะผ่านด่านไปสวรรค์ ด่านแรกจะถามว่า เคยทำบุญอะไรมาบ้าง ถ้าทำมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ในชีวิตก็จะให้ผ่านด่านแรก แล้วไปด่านที่ 2 ซึ่งจะต้องหาคนมารำหน้าไฟ เพื่อเป็นการเปิดทาง แต่มีกติกาอยู่ว่า ต้องเป็นสาวพรหมจรรย์มารำหน้าไฟ ฉะนั้น “ห้ามกะเทยรำหน้าไฟเด็ดขาด” ถ้าหากกะเทยมารำ คนนั้นจะไม่ได้ไปสวรรค์เด็ดขาด เพราะฉะนั้นเขาจึงคัดเลือกเอาเฉพาะเด็กหญิงสาวๆ พรหมจรรย์มารำ และพึงสังวรณ์ไว้ว่าใครที่จะเอากะเทยมารำหน้าไฟไม่ได้เด็ดขาด”
โดยขณะนั้นได้มีการถ่ายทอดสดผ่านเฟซบุ๊ก และได้มีคนมาแสดงความคิดเห็นและตำหนิการทำหน้าที่ของพิธีกรเป็นจำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวเราได้สอบถามกับ อาจารย์พิทยา แข็งฤทธิ์ ครูอัตราจ้างโรงเรียนบ้านหนองกุง อำเภอชื่นชม จังหวัดมหาสารคาม ผู้ควบคุมการแสดง ทราบว่า เด็กๆ กลุ่มนี้ เป็นนักเรียนที่โรงเรียนและเป็นสาวประเภทสอง ที่มารวมกลุ่มกันแสดงออกความสามารถทางการฟ้อนรำแบบจิตอาสา เมื่อมีงานพิธีฌาปนกิจศพหรืองานพิธีต่างๆ ทางเจ้าภาพก็จะติดต่อขอให้ไปช่วยรำในงาน ซึ่งทางโรงเรียนก็ไม่ได้เรียกค่าใช้จ่ายแล้วแต่ทางเจ้าภาพจะสนับสนุนเป็นทุนการศึกษา เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้วที่น้องๆ นางรำกลุ่มนี้ได้ออกแสดงความสามารถทางการฟ้อนรำ ซึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร
กระทั่งในงานพิธีฌาปนกิจศพล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2562 ที่วัดในหมู่บ้าน ขณะที่น้องๆ จะรำหน้าไฟ พิธีกรกลับพูดออกมาว่า พึงสังวรณ์ไว้ว่าห้ามกะเทยรำหน้าไฟเด็ดขาด เพราะคนตายจะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ ต้องเป็นสาวพรหมจรรย์เท่านั้น ทำให้ชาวบ้านที่มาในงานรวมถึงตนเองและเด็กๆ ต่างมีคำถามว่า กะเทยรำหน้าไฟไม่ได้จริงหรือ และเด็กจะมีความรู้สึกยังไงเมื่อเจอคำพูดแบบนั้น แต่ว่า น้องๆ นางรำทั้ง 3 คนก็แสดงสปิริตทำหน้าที่ของตนเองจนเสร็จสิ้น
อ.พิทยา กล่าวอีกว่า โดยส่วนตัวมองว่าการรำหน้าไฟ ใครๆ ก็รำได้ขึ้นอยู่กับจิตใจของคนรำมากกว่าเรื่องเพศ และรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของพิธีกร เพราะเป็นเหมือนการเหยียดเพศ ทำร้ายจิตใจและความรู้สึกของเด็ก และอาจารย์เองก็เป็นเหมือนกันกับเด็กจึงเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
เครดิต : sanook.com