ผูกโบขาวต้านเผด็จการ! เยาวชนร้องเงินเดือนสตาร์ท 5 หมื่น เลิกเข้าแถวตอนเช้า เรียนอาทิตย์ละ 4 วัน

ส่องความเห็นเยาวชน กระแสผูกโบขาวต้านเผด็จการ ร้องเลิกเข้าแถวตอนเช้า เลิกบังคับชุดนักเรียน เลิกให้ทำเวรห้อง เพราะมาแค่เรียนหนังสือ เลิกเรียน 8 คาบ เลิกกลับบ้าน 4 โมงเย็น ออกตอนไหนก็ออก อีกรายร้องเงินเดือนสตาร์ท 5 หมื่น เรียนอาทิตย์ละ 4 วัน ห้ามให้เกรด 0 เกรด ร. อ้างกดทับสังคม ช่วยผ่อนค่างวดรถเดือนละพัน เน็ตบ้าน เน็ตมือถือฟรี และยกเลิก พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทุกคนมีเสรีภาพด่าใครก็ได้ที่แค้นใจต่อกัน

วันนี้ (18 ส.ค.) จากปรากฏการณ์ที่กลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างต่อเนื่องที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเกิดปรากฏการณ์นักเรียนระดับชั้นมัธยมหลายจังหวัด ชู 3 นิ้ว แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐบาลเผด็จการ

ในโลกโซเชียลพบว่า มีความเห็นที่น่าสนใจ เช่น ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “เรื่องที่คาดหวัง คือ เลิกเข้าแถวตอนเช้าค่ะ ควรไปโรงเรียนก่อนคาบแรก เลิกนับเวลาเรียนแล้วให้เกรด มส. (หมดสิทธิ์สอบ) เลิกบังคับการแต่งชุดไปโรงเรียนได้แล้ว เลิกให้ทำเวรห้อง เรียนจ่ายค่าเทอมไม่ใช่เรียนฟรี เลิกเรียน 8 คาบต่อวัน เลิกให้กลับบ้านตอน 4 โมงเย็น อยากออกตอนไหนก็ออก #ผูกโบว์ขาวต้านเผด็จการ”

ส่วนผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ข้อความระบุว่า “#พาแม่ปวินกลับบ้าน หนูขอเชิญพี่ๆ ทุกคน มาร่วมกันเรียกร้องประชาธิปไตยให้กับไทยเราค่ะ หนูอายุ 16 แล้ว ต้องทนอยู่กับรัฐบาลนี้มานานเกินพอ และอนาคตไม่อยากมีชีวิตที่มืดมน เหมือนคนรุ่นเก่าๆ อายุ 30 ขึ้นไปแบบตอนนี้ค่ะ ถ้าชาติเรามีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย สิ่งที่เยาวชนจะเรียกร้องมีดังนี้

1. เงินเดือนขั้นต่ำ 50,000 บาท
2. เรียนอาทิตย์ละ 4 วัน
3. ตัดผม ทำสีผมอะไร ใส่ชุดอะไรมาเรียนได้
4. ห้ามบังคับนักเรียนต้องไหว้ครู ให้เสมอภาคกัน เพราะครูกินเงินเดือนจากเด็ก
5. ห้ามมีการให้เกรด 0 หรือ ร. เพราะคือการกดทับทางสังคม
6. กำหนดวันทำงานแค่อาทิตย์ละ 4 วัน
7. เก็บภาษีเงินได้จากลูกเจ้าสัวเท่านั้น เงินเดือน 100,000 บาทต่อเดือน ถึงจะเก็บ
8. รัฐต้องช่วยค่าผ่อนรถยนต์ให้คนทำงาน เดือนละอย่างน้อย 1,000 บาท เพื่อลดความแออัดของรถสาธารณะ
9. ส่งเสริมให้เอกชนและราชการ จัดให้พนักงานทำงานที่บ้านครึ่งต่อครึ่งได้ เพื่อลดปัญหารถติด
10. การใช้งานอินเทอร์เน็ตมือถือและบ้าน ต้องฟรี เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำของสังคม

เครดิตข่าวโดย: mgronline