05 พ.ค. 2563
กระแสเกลียดชังชาวจีนในอาเซียน จากอดีตสู่ยุคโควิดระบาดโลก
กระแสเกลียดชังชาวจีนในอาเซียน - เซาท์ ไชน่า มอร์นิง โพสต์ รายงานวิเคราะห์เชิงประวัติศาสตร์ ถึง การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มต้นที่เมืองอู่ฮั่นของจีน ทำให้เกิดกระแสต่อต้านชาวจีนลุกลามไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ร้านค้าบางแห่งไม่ขายให้ลูกค้าชาวจีนและเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสุขภาพให้กับแรงงานชาวจีน
ด้านกลุ่มไอเอสในอินโดนีเซียใช้ไวรัสโคโรนาเป็นเป้าโจมตีชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนและเมื่อจุดกระแสเกลียดชังติด ทำให้ชาวอินโดนีเซียหลายร้อยคนเดินไปโรงแรมโนโวเทลเพื่อขับไล่นักท่องเที่ยวชาวจีนให้กลับประเทศ
ชาวอินโดนีเซียหลายร้อยคนไปประท้วงนักท่องเที่ยวจีนที่โรงแรมโนโวเทล
ส่วนในฟิลิปปินส์ มหาวิทยาลัยอดัมสันในกรุงมะนิลา ขอให้นักเรียนชาวจีนหยุดเข้าเรียน
ความจริง เหตุการณ์ที่สะท้อนถึงความเกลียดชังชาวจีน เกิดขึ้นมานานแล้ว ในประวัติศาสตร์ก็มีบันทึกเอาไว้
ยุคล่าอาณานิคมช่วงแรกๆ ชาวจีนกลุ่มเล็กๆ มักเป็นพ่อค้ากระจายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ส่วนที่ท่าชาวตะวันตกซึ่งเป็นเจ้าอาณานิคมชาวตะวันตกถ้าไม่ขัดขวางการค้าก็มักจะสนับสนุนพ่อค้าชาวจีน
ระยะแรก ชาวตะวันตกที่ต่อต้านชาวยิวเปรียบเปรยชาวจีนว่าเป็น ยิวแห่งบุรพาทิศ ด้วยการเหมารวมว่าลักษณะนิสัยคล้ายกัน เช่น โลภ เล่นพรรคเล่นพวก คบกับคนที่เอื้อประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
หลักฐานที่พบในรายงานอย่างเป็นทางการเมื่อกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์มาถึงอินโดนีเซียปี 2139 มีข้อความเปรียบเทียบเชิงดูถูกว่าเป็นชาวจีนแบบยิว ขณะนั้น ชาวจีนหลายพันคนอาศัยในจังหวัดบันเติน ผู้เขียนรายงานบันทึกว่า ชาวจีนคล้ายชาวยิวในประเทศของเรา ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ต้องคิดถึงแต่ผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง
ภาพลุงแซมเตะไล่คนจีน / Library Congress
ส่วนพ่อค้าชาวอังกฤษคนหนึ่ง เดินทางไปเกาะชวา ในปี 2145 เขียนบันทึกว่า ชาวจีนคล้ายชาวยิวเพราะตักตวงความร่ำรวยกลับประเทศบ้านเกิด ทำการค้าแบบมีเล่ห์เพทุบายและฉลาดแกมโกง
ด้านเจ้าหน้าที่ชาวฝรั่งเศส เจ้าอาณานิยม เขียนไว้ในปี 2266 ว่า ชาวจีนในเอเชียเหมือนชาวยิวในยุโรป คิดแต่จะได้ฝ่ายเดียว ฉ้อฉลหลอกลวง เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว และเสาะแสวงหาโอกาสดีๆ
ปลายศตวรรษที่ 191 เจ้าหน้าที่ชาวอังกฤษในสยามหรือประเทศไทยในปัจจุบัน เรียกชาวจีนในสยามว่า ยิวแห่งสยาม
ต่อมา ในศตวรรษที่ 20 มีพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่อง “ยิวแห่งบูรพาทิศ” วิจารณ์ชาวจีนโพ้นทะเลในสยาม
ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศเกิดใหม่หลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีนโยบายเลือกปฏิบัติกับชาวจีน ทำให้รัฐมนตรีคนหนึ่งของจีนเอ่ยด้วยความเสียใจว่าชาวจีนถูกมองว่าเป็นชาวยิวในเอเชีย
ทั้งชาวยิวในยุโรปชาวจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถูกมองว่ามุ่งแต่ค้าขายและกอบโกยรายได้กลับไปบ้านเกิด
ม็อบชาวอินโดฯ บุกปล้นทำลายข้าวของในบ้านมหาเศรษฐีชาวจีน เมื่อปี 2541 / Photo: Reuters
เอมี ฉั่ว นักเขียนชาวอเมริกันเชื้อสายจีน เขียนบรรยายว่าชาวจีนเป็นคนกลุ่มน้อยที่ค้าขายเก่งและมีระดับชนชั้นในสังคมที่ทับซ้อน เจ้าสัวไม่เพียงร่ำรวยเท่านั้น แต่ยังมีเครือข่ายอยู่นอกกลุ่มชาวจีนด้วย เนื่องจากในช่วงศตวรรษที่ 19 ชาวจีนในบอร์เนียวตะวันตกของอินโดนีเซียเป็นกลุ่มเป็นก้อนเดียวกันกับเกษตรกรรยากจนและชาวประมง จนถึงคนงานในเหมืองและคนงานในสวนยางในมะละกา
โลกยุคปัจจุบัน ไม่ต่างจากอดีตมากนัก ยังมีความเกลียดชังชาวจีนในเอเชียครอบคลุมตั้งแต่ความไม่พอใจระดับคนทำงานไปจนถึงแรงงานชนกลุ่มน้อยชาวจีน
ช่วงที่อินโดนีเซียเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 สินค้าราคาพุ่งสูงมาก ทำให้ชาวจีนซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยและเป็นเจ้าของร้านขายปลีกตกเป็นเป้าโจมตีว่าเป็นตัวการ แม้ว่าราคาสินค้าที่ทะยานขึ้นไม่ได้เป็นผลจากพ่อค้ารายย่อยเลย แต่กองทัพและเจ้าหน้าที่รัฐก็เหยียดหยามพ่อค้าชาวจีนเป็นหนูและพวกทรยศ
ปี 2541 วิกฤตสุกงอมและเป็นเหตุให้ชาวอินโดนีเซียโกรธแค้นชาวจีน พากันไปทำลายร้านค้า ปล้นสะดม สังหารและข่มขืนชาวจีน
สภาพชุมชนชาวจีนถูกม็อบชาวอินโดฯ ในกรุงจาการ์ตาบุกทำลายด้วยความเกลียดชัง / Photo: Reuters
ย้อนกลับไปในยุคที่นายพลซูฮาร์โตปกครองอินโดนีเซีย มีการจำกัดสิทธิชาวจีนในการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยและทำงานราชการ ความไม่เท่าเทียมกันยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ เพราะชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนยังไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของที่ดินในบางพื้นที่ของประเทศ
ส่วนบริษัทใหญ่ๆ ต้องมีนักลงทุนท้องถิ่นอยู่ด้วยอย่างน้อยร้อยละ 30 และมีพนักงานชาวท้องถิ่นครึ่งหนึ่ง
ปัจจุบัน บางคนตราหน้าชาวจีนว่าเป็นผู้แพร่ระบาดไวรัสโคโรนา เหมือนกับในศตวรรษที่ 19 ที่มีคนเปรียบเทียบวัณโรคว่า โรคยิว เพราะผู้อพยพชาวยิวในยุโรปเป็นคนแพร่เชื้อ
ช่วงเวลาเดียวกัน สิงคโปร์ก็เรียกโรคนี้ว่า โรคจีน - Chinese disease โดย เซอร์ เดวิด เจ.กัลโลเวย์ ผู้ก่อตั้งสมาคมแพทย์ในสิงคโปร์อ้างว่าเพราะชาวจีนไร้สุขอนามัย
การกล่าวหาเช่นนี้ เป็นเพียงอาวุธสาดใส่ชาวจีนด้วยความเกลียดชังเชื้อชาติ แต่แท้จริงแล้ว คนพื้นเมืองเกลียดชังชนกลุ่มน้อยชาวจีนที่เป็นเหมือนปรสิตเกาะกินคนท้องถิ่นและสูบเอาผลประโยชน์กลับไปบ้านเกิดตัวเอง
หลังจากนั้น ในศตวรรษที่ 20 ชาวยิวในยุโรปและชาวจีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มได้รักบกรยอมรับมากขึ้น เช่น นักการเมืองระดับประเทศหลายคนมีเชื้อสายจีน
เช่น นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีไทย นางคอราซอน อากีโน และ นายเบนิกโน อากีโน อดีตประธานาธิบดีฟิลิปปินส์แม่และลูก
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลอาเซียนกับจีนเป็นไปด้วยดีมาตลอด AFP PHOTO / Philippe Lopez
บรรยากาศการเมืองในอินโดนีเซียยังเข้มข้นเรื่องเชื้อชาติ ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งส่วนใหญ่มักจะไม่เทคะแนนให้ชนกลุ่มน้อยไม่ว่าทางเชื้อชาติหรือศาสนา เห็นได้จากการเลือกตั้งผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา เมื่อปี 2559 บาสุกิ จาฮาจา ปุรนามา หรือ อาฮก เอาชนะคู่แข่งที่เป็นชาวมุสลิมอินโดนีเซียไปได้ แต่ต่อมาถูกกล่าวหาว่าหมิ่นอิสลาม จนต้องถูกจำคุก
ผู้ว่าฯ อาฮก ถูกเล่นงานสะบักสะบอม /PHOTO : REUTERS
แต่เมื่อพิจารณาด้านสังคมและวัฒนธรรม ต้องยอมรับว่าหลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เฉลิมฉลองวันตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ พอๆ กับที่ยุโรปบางประเทศฉลองวันปัสคาของชาวยิว
ด้านเทเรซา อัง ซี ผู้นำชุมชนชาวจีนในฟิลิปปินส์ กล่าวว่าการเหยียดเชื้อชาติทำให้เกิดความเสียหายถาวรมากกว่าความเสียหายที่เกิดจากไวรัส และเรียกร้องให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและขจัดอคติทางเชื้อชาติออกไปซึ่งจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาทั้งความไม่เท่าเทียมกันและความยากจนได้ในระยะยาว
เครดิตข่าวโดย: khaosod