17 ก.พ. 2563
"ชิม ช้อป ใช้ เฟส4" ความล้มเหลวซ้ำซากที่ถูกละเลย
นโยบาย"ชิม ช้อป ใช้"ดูเหมือนจะกลายเป็นยาสามัญประจำบ้านในรัฐบาล"บิ๊กตู่2"ไปเรียบร้อยแล้วเพียงแค่ 6 เดือนที่เข้ามาบริหารประเทศ ก็คลอดมาแล้ว 3 เฟสราวกับโครงการบ้านจัดสรร และล่าสุด ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ลูกพี่ใหญ่ 3 กุมารก็ออกมาเปรยว่ารัฐบาลเตรียมเร่งออกโครงการ"ชิม ช้อป ใช้ เฟส 4"อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจสู้กับไวรัสโคโรนา
ก่อนหน้านี้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬามีแผนจะผุดโปรเจ็กต์"ชิมช้อปใช้ อินเตอร์"แจก "คูปองเงินสด" ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในบ้านเรา อ้างว่า เพื่อชดเชยที่ "ค่าเงินบาทแข็งค่า"มากกว่า 10% ทำให้ค่าใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เงินที่แจกก็จะนำมาจากงบประมาณกลางซึ่งเป็นภาษีประชาชน
พลันที่แพลมเรื่องนี้ออกมาก็มีเสียงคัดค้านกระหึ่มทั้งบ้านทั้งเมือง จนเรื่องเงียบหายไปเฉย ๆ
กระทั่งมีการขว้างก้อนหินถามทางว่าจะทำคลอด "ชิมช้อปใช้ เฟส4" หวังจะเอามาเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจสู้กับโรคระบาดไวรัส โคโรนา ที่ฟาดหางใส่ธุรกิจท่องเที่ยวบ้านเรา ทำให้ลูกค้าหายไปกว่า 80 %
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะออก ชิม ช้อป ใช้เฟส4 ก็อยากให้ไปสรุปบทเรียน ชิม ช้อป ใช้เฟส 3 ที่ผ่านมา เพิ่งปิดจ็อบเมื่อสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมาพบว่ามีการโกงกันสะบั้นหั่นแหลก อย่างกรณีที่มีชาวบ้านบางกลุ่มโกงเงินกระเป๋า 2 ด้วยการสแกนใช้จ่ายเงินในพื้นที่เดียวกันซ้ำ ๆ หลายรอบ เช่นใช้ซื้อกาแฟวันละ 3-5 หมื่นบาทตอนแรกเริ่มจากพื้นที่ 3 จัหวัดชายแดนภาคใต้ก่อนต่อมา พฤติกรรมนี้ระบาดไปทั่วทั้งประเทศ
ทั้งยังมีร้านค้ากว่า 1 พันแห่ง ที่สงสัยว่าจะเข้าข่ายทุจริตโดยจะใช้วิธี ร้านค้าโอนเงินไปให้คนซื้อ เพื่อมาซื้อสินค้าในร้าน ถ้าซื้อสินค้า 5 หมื่นบาท จะได้รับเงินคืนจากภาครัฐ 8,500 บาท แล้วก็นำมาแบ่งกัน ซึ่งยังมีวิธีโกงอื่น ๆ อีกมากมมายหลายรูปแบบ
นอกจากนี้ไม่รู้ว่าที่ผ่านมากระทรวงการคลังได้มีการประเมินผลหรือไม่ว่า ที่ผุดมาตรการชิมช้อปใช้ตั้งแต่เฟส1 เฟส2 เฟส3 นั้น กระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหนคุ้มกับงบประมาณที่ใส่ลงไปหรือไม่ มีใครได้ประโยชน์บ้าง เงินไปถึงชุมชนมากน้อยแค่ไหน ไปตกอยู่กับกลุ่มทุนยักษ์ใหญ่เท่าไหร่ เงินที่ใส่เข้าไปหมุนกี่รอบหากไม่ทำการประเมินอย่างจริง ๆ จัง ๆ ก็จะไม่รู้ว่าเม็ดเงินที่ใส่ไปเกิดประโยชน์หรือไม่
สำหรับ ชิม ช้อป ใช้ เฟส4 อ้างว่าจะเป็นการช่วยกลุ่มธุรกิจโรงแรม อันนี้พอเข้าใจได้เพราะมีคนที่อยู่ในวงจรธุรกิจนี้ค่อนข้างมาก กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากกรณีที่ถูกไวรัสโคโรนาฟาดหางเข้าใส่เต็มๆแต่ก็ต้องถามว่าที่ผ่านมาที่ช่วยธุรกิจท่องเที่ยวนั้นเงินตกอยู่ในกลุ่มธุรกิจเท่าไหร่ไปถึงคนทำงานระดับลูกจ้างหรือไม่ ถึงมากน้อยแค่ไหน
แต่โดยส่วนตัวเห็นว่ามาตรการ "ชิม ช้อป ใช้"ที่ผ่านมาทั้ง 3 เฟส ยังไม่เห็นว่าไปช่วยให้เศรษฐกิจกระเตื้องได้แค่ไหน ไม่รู้ว่ากระตุ้นได้จริงไหม รู้แต่ว่าแต่มีการจ่าย" แคชแบ็ก"ล่าช้า มีการโกง ร้านค้าสมรู้ร่วมคิดกับประชาชน นำเงินที่ได้ส่วนลดมาแบ่งกัน สุดท้ายไม่เกิดการใช้จ่ายจริง ไม่รู้ว่าเม็ดเงินที่เกิดจากการทุจริตเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่ และรัฐสูญเสียไปเท่าไหร่
อยากให้มีการประเมินผลความสำเร็จของโครงการทั้ง 3 เฟสที่ผ่านมานโยบายนี้มีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือไม่อย่างไรไม่ใช่นับว่ามีเงินใช้จ่ายผ่านโครงการเท่าไร แต่มีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไรใครได้ประโยชน์บ้าง?
อย่าคิดแค่ว่าโครงการนี้ได้ผลเพราะประชาชนชื่นชอบ รัฐบาลได้คะแนนนิยมแต่ต้องมองเศรษฐกิจภาพรวมว่าได้ประโยชน์จริงหรือไม่คุ้มหรือไม่ เพราะเงินที่นำไปแจกนั้นเป็นเงินภาษีชาวบ้าน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของพวกท่านนะครับ!
เครดิตข่าวโดย: คม-ชัด-ลึก