03 มี.ค. 2563
สุวรรณภูมิ วุ่น จีนปฏิเสธรับ ผดส.ประเทศเสี่ยงทำตกค้างไทย ผวาผีน้อยกลับช่องปกติ
รายงานข่าวจากสนามบินสุวรรณภูมิแจ้งว่า เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ที่ผ่านมามีการตรวจพบผู้โดยสารชาวจีนจำนวน 4 คน ที่เดินทางมาจากประเทศอิหร่านซึ่งกำลังมีปัญหาการแพร่ระบาดอย่างหนัก มาตกค้างอยู่ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ เนื่องจากไม่สามารถต่อเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิกลับไปยังจีนซึ่งเป็นภูมิลำเนาได้ เพราะถูกสายการบินจีนที่มีฐานการบินที่สนามบินสุวรรณภูมิปฏิเสธไม่ให้ขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลประเทศจีนที่ห้ามมิให้บุคคลที่มีประวัติเดินทางมาจากประเทศอิหร่านเดินทางเข้าไปยังประเทศจีน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศได้ทำการตรวจวัดอุณหภูมิด้วย เครื่องเทอร์โมสแกน ผู้โดยสารจีนทั้ง 4 คนแล้ว ไม่พบไข้จึงไม่เข้าข่ายเสี่ยงติดเชื้อ เบื้องต้น กระทรวงการต่างประเทศได้ประสานสถานทูตจีนในไทยให้มารับตัวผู้โดยสารชาวจีนทั้ง 4 คนไปพักที่สถานทูตจีนในประเทศไทยแล้ว เพื่อรอส่งกลับประเทศต่อไป
อย่างไรก็ตาม คาดว่าระยะต่อจากนี้อาจจะมีแนวโน้มจำนวนผู้โดยสารที่ตกค้างที่สนามบินในไทยจำนวนมากขึ้น เนื่องจากผู้โดยสารส่วนใหญ่นิยมมาเปลี่ยนเครื่องที่เมืองไทยก่อนกลับประเทศบ้านเกิด เนื่องจากรัฐบาลไทยยังไม่ได้ห้ามมิให้ผู้โดยสารจากกลุ่มประเทศเสี่ยงเดินทางเข้าไทย ทำให้ผู้โดยสารนิยมเดินทางเข้ามาเปลี่ยนเครื่องที่ไทย รวมทั้งบางคนยังเริ่มใช้ประเทศไทยเป็นที่พำนัก และกักโรคเป็นเวลา14 วัน ก่อนเดินทางกลับประเทศตามข้อกำหนดของประเทศต่างๆ
รายงานข่าวแจ้งว่าขณะนี้สนามบินต่างๆ เริ่มมีความกังวลจากรณีที่ ผู้โดยสารชาวไทยที่ลักลอบหนีเข้าเมืองเกาหลีจะเดินทางกลับ มายังประเทศไทยจำนวน 5 พัน ทั้งนี้ มองว่ากลุ่มคนดังกล่าวมีความเสี่ยงสูง ดังนั้นไม่ควรปล่อยให้เดินทางผ่านเข้ามายังสนามบินสาธารณะเหมือนกับผู้โดยสารทั่วไป โดยควรจะต้องจัดสถานที่เฉพาะเหมือนกับกรณีของคนไทยที่กลับจากเมืองอู่ฮั่น เพื่อป้องกันความเสี่ยงไม่ให้แพร่ระบาดสู่ประชาชนทั่วไป
“ ปัจจุบันมีผู้โดยสารเดินทางเข้า และออกสนามบินสุวรรรภูมิ วันละ 1.2แสนคน หากปล่อยให้คนไทยที่กลับจากแทกูเมืองที่มีการแพร่ระบาดหนักกลับเข้าไทยโดยผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ หรือสนามบินสาธารณะอื่นๆ จะทำให้เกิดความวุ่นวายมาก ผู้โดยสารที่ใช้บริการสนามบินก็อาจจะตื่นตระหนกกับกรณีดังกล่าวด้วย ซึ่งอาจสร้างปัญหากับหน่วยงานต่างๆ ทำงานยากขึ้น”
เครดิตข่าวโดย: ข่าวสด