23 ก.พ. 2563
สรุปคุณสมบัติใหม่ของ Android 11 เวอร์ชั่น Developer Preview ที่ปล่อยออกมาให้อัพเดทแล้ว
Google ปล่อยระบบปฏิบัติการ Android 11 เวอร์ชั่น Developer Preview ออกมาให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ได้ทดลองใช้งานเป็นกลุ่มแรก โดยมีจุดประสงค์ให้นักพัฒนาช่วยนำเสนอข้อบกพร่องที่พบและให้คำแนะนำ เพื่อร่วมกันสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่ง และสร้างความพึงพอใจให้กับผู้ใช้งานนับพันล้านคนทั่วโลก ซึ่งในปีนี้ Google ได้ปล่อยระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ออกมาให้ให้นักพัฒนาเร็วกว่าที่เคย โดยมีคุณสมบัติใหม่ที่น่าสนใจดังต่อไปนี้…
รองรับยุค 5G
Android 11 นำเสนอ API ช่วยให้นักพัฒนาได้ใช้ประโยชน์จากความเร็วที่เพิ่มขึ้นของ 5G อย่าง Dynamic meteredness API ที่ช่วยตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อนั้นไม่มีการจำกัดหรือไม่ และถ้าไม่ จะสามารถให้ความละเอียดหรือคุณภาพที่สูงขึ้น ซึ่งอาจใช้ข้อมูลมากขึ้น และยังมีการขยาย API เพื่อรวมเครือข่ายเซลลูลาร์ ให้สามารถระบุผู้ใช้ที่มีผู้ให้บริการที่นำเสนอข้อมูลที่ไม่มีการจำกัดอย่างแท้จริง ในขณะที่กำลังเชื่อมต่อกับเครือข่าย 5G ของผู้ให้บริการฯ
Bandwidth estimator API ช่วยให้ง่ายในการตรวจสอบแบนด์วิดท์ ดาวน์สตรีม/อัพสตรีม โดยไม่จำเป็นต้องสำรวจเครือข่ายหรือคำนวณการใช้งานด้วยตัวเอง และถ้าหากโมเด็มไม่ให้การสนับสนุน ระบบจะทำการประเมินค่าเริ่มต้นตามการเชื่อมต่อปัจจุบัน
รองรับจอแสดงผลที่หลากหลาย
Android 11 ออกแบบมารองรับจอแสดงผลของสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ ที่มีทั้งการเจาะรู และจอแสดงผลแบบ Waterfall ที่มีขอบด้านข้างโค้งเป็นพิเศษ โดย API ใหม่ จะช่วยให้แอพพลิเคชั่นของนักพัฒนารองรับจอแสดงผลแบบ Waterfall เพื่อจัดการกับระบบโต้ตอบเพื่อใกล้ถึงขอบจอ
การสื่อสาร
Android 11 อนุญาตให้นักพัฒนาแทรกรูปภาพหรือคอนเท้นต์ลงในการแจ้งเตือนได้โดยตรง เมื่อผู้ใช้งานได้รับข้อความ โดยแอพพลิเคชั่นข้อความที่ใช้ต้องสนับสนุนฟีเจอร์ คัดลอกและวาง โดยเวอร์ชั่น Developer Preview ที่ปล่อยออกมาเป็นครั้งแรก จะสนับสนุนการคัดลอกรูปภาพใน Chrome และวางผ่านคลิปบอร์ด Gboard
Bubbles API ช่วยให้ผู้ใช้งานสนทนาหนือแชทได้อย่างต่อเนื่องในขณะใช้แอพพลิเคชั่นอื่น
Android 11 การแจ้งเตือนเกี่ยวกับข้อความจะมีเฉดสีเฉพาะ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาการสนทนา และแชทได้อย่างต่อเนื่องกับแอพพลิเคชั่นที่ชื่นชอบ
แอพที่เกี่ยวข้องกับการคัดกรองการโทร จะสามารถทำอะไรได้มากเพื่อให้ผู้ใช้งานได้ประโยชน์ แอพจะได้รับสถานะการตรวจสอบ STIR/SHAKEN สำหรับสายเรียกเข้า และเพิ่มตัวเลือกให้ผู้ใช้งาน อย่างเช่น ทำเครื่องหมายว่าเป็นสแปม หรือจัดเก็บไว้ในรายชื่อ
Wi-Fi suggestion API ช่วยให้แอพด้านจัดการการเชื่อมต่อเพิ่มความสามารถในการจัดการเครือข่ายของตนเองได้มากขึ้น เช่น สามารถบังคับให้ตัดการเชื่อมต่อโดยลบคำแนะนำเครือข่าย หรือรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณภาพของเครือข่ายที่เชื่อมต่อ
ความปลอดภัย
Android 11 ได้ยกระดับการป้องกันความปลอดภัยให้ลึกขึ้น ขยายการรองรับเทคโนโลยียืนยันตัวตนทาง Biometric ที่แข็งแกร่งมากขึ้น ทำธุรกรรมผ่านแอพได้ปลอดภัยขึ้น จัดเก็บข้อมูลและแชร์ได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น และยังสนับสนุนการจัดเก็บเอกสารดิจิตอลที่ปลอดภัย อย่างเช่น ใบขับขี่ดิจิตอล
ความเป็นส่วนตัว
Android 10 ได้เพิ่มตัวเลือกการอนุญาต ในขณะที่ใช้งานแอพ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมสถานที่ได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น และจำกัดการเข้าถึงตำแหน่งพื้นหลัง ใน Android 11 ยังได้เพิ่มตัวเลือกใหม่เพื่อป้องกันความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน ด้วยตัวเลืออกใหม่ One-time permission หรือ การอนุญาตครั้งเดียว ซึ่งหมายถึงแอพจะสามารถเข้าถึงข้อมูลได้แค่ในช่วงเวลาที่ถูกใช้งาน และจะไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เมื่อผู้ใช้งานออกจากแอพ และแอพจะต้องขออนุญาตใหม่ เมื่อมีการเปิดแอพนั้นอีกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีความพยายามปกป้องแอพและข้อมูลผู้ใช้ในที่จัดเก็บข้อมูลภายนอกด้วย
กล้องและรูปภาพ
นักพัฒนาแอพด้านรูปภาพ สามารถปรับปรุงแอพให้รองรับการแสดงรูปภาพ HEIF ซึ่งมีขนาดไฟล์เล็กกว่า GIF
แอพกล้องสามารถปิดเสียงและระบบสั่นของสายเรียกเข้าในระหว่างใช้งานกล้อง
แอพกล้องสามารถใช้แท็ก metadata เพื่อเปิดโหมดถ่ายภาพ bokeh ในสมาร์ทโฟนที่รองรับ, โหมดถ่ายภาพนิ่งนำเสนอการถ่ายภาพที่มีคุณภาพสูงสุด และโหมดถ่ายภาพต่อเนื่องจะสามารถจับภาพได้ดีขึ้นด้วยเซ็นเซอร์เอ้าท์พุต
Low latency
Android 11 ยังปรับปรุงความหน่วงให้ลดลง ซึ่งมีความสำคัญสำหรับแอพและบริการสตรีมวิดีโอแบบเรียลไทม์ รวมถึง Stadia บริการเล่นเกมคุณภาพสูงในรูปแบบสตรีมมิ่ง พร้อมเพิ่มโหมด HDMI low-latency ช่วยให้แอพสามารถใช้ API ใหม่ เพื่อตรวจสอบและร้องขอโหมดเกมหรือโหมด Low latency อัตโนมัติ บนจอแสดงผลภายนอกหรือจอทีวี โดยโหมดนี้จะปิดการใช้งานกราฟิกหลังการประมวลผล เพื่อลดความหน่วงแฝง
ทั้งนี้ Android 11 เวอร์ชั่น Developer Preview เหมาะสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์เท่านั้น ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งลงในสมาร์ทโฟนที่ใช้งานเป็นเครื่องหลัก รองรับสมาร์ทโฟน Pixel 2, 3, 3a และ 4 series
เครดิตข่าวโดย: flashfly