เตรียมเฮ! ลุ้นลดเวลาเคอร์ฟิวจากเดิม ตอบผ่อนปรนระยะ 2 โรงแรม-รีสอร์ต

"วิษณุ" ระบุ หลักเกณฑ์ผ่อนปรนระยะ 2 ให้คงตามระยะที่ 1 ย้ำ ดูยอดผู้ป่วยสะสม-หายกลับบ้าน-ผู้เสียชีวิต เป็นตัววัด ชี้ เร็วไป ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ

เมื่อเวลา16.00น.วันที่ 13 พ.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณาผ่อนปรนให้เปิดกิจการและกิจกรรม ในระยะที่ 2 ว่า ยังตอบไม่ได้ในขณะนี้ว่าจะมีอะไรบ้าง ต้องรอผู้เกี่ยวข้องประเมินสถานการณ์และรายงานยังที่ประชุม ศบค. ชุดใหญ่ ในวันศุกร์ที่ 15 พ.ค.นี้ โดยเกณฑ์ ที่ ศบค.จะใช้ในการพิจารณาเพื่อผ่อนคลาย จะยึดตามหลักเกณฑ์เดียวกันกับในระยะที่ 1 ได้แก่

1.โอกาสเสี่ยงของบุคคล เช่น คนบางประเภทเสี่ยง แต่คนบางประเภทไม่เสี่ยง อาทิ คนที่อยู่บ้านกับคนที่เดินทาง เด็กกับผู้ใหญ่ เป็นต้น

2.โอกาสเสี่ยงด้านสถานที่ เช่น ห้างสรรพสินค้า ตลาด ผับ บาร์ เป็นต้น

3.โอกาสเสี่ยงของแต่ละกิจกรรมและกิจการ เช่น กิจกรรมบางอย่าง รวมตัวกัน 5-10คน มีความเสี่ยง แต่กิจกรรมบางอย่างไม่เสี่ยง เพราะมีคนดูแล ดังนั้นจะใช้ 3 หลักเกณฑ์นี้ที่ใช้ผ่อนคลายในระยะที่ 1 มาพิจารณา

นายวิษณุ กล่าวว่า จากพฤติกรรม ในช่วง 14 วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. มาถึงวันนี้ หากดูจากจำนวนผู้ป่วยสะสม ผู้ป่วยหายกลับบ้าน และผู้เสียชีวิตที่ลดลงนั้น ถือเป็นดัชนีชี้วัด แต่สิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจและไม่สามารถผ่อนคลายได้ทั้งหมด

เพราะยังมีการละเมิดข้อกำหนด อยู่ เช่น ละเมิดเคอร์ฟิว มีการเดินทางข้ามจังหวัดซึ่งไม่ได้ห้าม แต่มีโอกาสเสี่ยง และยังมีการเดินทางเข้าประเทศอยู่ ซึ่งที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะมีวันหยุดหลายวัน แต่หลังจากนี้จะไม่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จะมีอีกทีหนึ่งประมาณ เดือน มิ.ย.

นอกจากนี้ยังมีผู้เดินทางเข้าในประเทศจำนวนมาก ทำให้วันนี้ยังไม่สามารถเปิดอะไรได้หมด แต่ควบคุมอยู่ เพื่อเตรียมไปสู่การผ่อนคลายระยะที่ 2 ส่วนที่มีผู้ประกอบการเสนอขอขยายเวลาเคอร์ฟิว จากเดิม 22.00น.-04.00น. เป็น 23.00 น.-04.00น. จะมีแนวโน้มที่เป็นไปได้หรือไม่ยังไม่ทราบ เพราะ ศบค.ชุดเล็ก กำลังพิจารณากันอยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้มีโอกาสที่จะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เร็วไปที่จะพูดในขณะนี้ เพราะยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนกว่าจะครบกำหนดประกาศในวันที่ 31 พ.ค.ยังตอบอะไรไม่ได้ เมื่อถามย้ำว่าหากไม่มีพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะไม่สามารถประกาศเคอร์ฟิวได้ต่อไปใช่หรือไม่

นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ แต่ใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อได้ แต่พ.ร.บ.โรคติดต่อ ไม่ได้ให้อำนาจนายกฯ และครม.แต่ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้า 76 จังหวัดและกทม.ออกมาตรการมาคนละมาตรฐาน ก็จะลำบากเพราะการกระทำของแต่ละจังหวัดก็จะเกิดผลทบต่างๆตามมาได้

เช่น การปิดผับ บาร์ ก็ทำให้คนตกงานและจะวิ่งมาให้รัฐบาลกลางเยียวยา ดังนั้นจังหวัดอาจไม่มั่นใจในการใช้อำนาจบางอย่าง เพราะมีผลกระทบมาก แต่หากเป็นรัฐบาลกลางมีอำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่หากสั่งปิดไปแล้วเมื่อเกิดอะไรขึ้นก็มีการเยียวยาได้

เมื่อถามว่าการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ยังเน้นมาตรการ 4 ข้อหลัก ในเรื่องการเคอร์ฟิว การชะลอการเดินทาง ห้ามอากาศยานเข้าประเทศ และงดกิจกรรมการชุมนุมรวมกลุ่ม อยู่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ แต่อาจมีการผ่อนคลายบางเรื่องใน 4 ประเด็นนี้ก็ได้ เช่น เครื่องบินที่ให้ปิด เพราะนำโควิดมา แต่อย่าลืมว่าก็นำคนที่ไม่เป็นโควิดและทำให้เศรษฐกิจเคลื่อนไหวมาด้วย จึงต้องคิดตรงนี้ด้วย

เมื่อถามว่าการผ่อนคลายกิจกรรมต่างๆอาจมีเพิ่มนอกเหนือจากที่ศบค.แถลงไปหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ เขาพิจารณาหมดทุกรายการ แต่ตนไม่ทราบ ไม่อยากพูดให้ความหวัง ถ้าไม่เปิดแล้วจะเสียคนทั้งตนและสื่อ

แต่กิจการไหนที่เปิดไปแล้วหากมีพฤติกรรมเกิดความเสี่ยงอีกก็สามารถปิดได้ทันที โดยอาจจะปิดเฉพาะร้าน เฉพาะราย หรือทั้งประเภทเลยก็ได้ แต่กิจการโรงแรม ภาครัฐไม่เคยสั่งปิดเพียงแต่ไม่มีคนมาพัก ก็ต้องปิดอัตโนมัติ ตอนนี้โรงแรมสามารถเปิดกิจการของตัวเองได้ และยังให้เปิดร้านอาหารในโรงแรมได้ด้วย เช่นเดียวกับรีสอร์ท

เครดิตข่าวโดย: khaosod
เรื่องอื่นๆ

กรมที่ดิน

ก่อนหน้า