06 มี.ค. 2563
กระตุ้นจิตสำนึกให้ผีน้อย ช่วยป้องโควิด-19ระบาด
หลังจากกระทรวงสาธารณสุข โดย นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าไวรัสโควิด-19 ว่า ประเทศไทยมีผู้ป่วยเพิ่มอีก 4 ราย ได้แก่ ชายชาวอิตาลี อายุ 29 ปี พนักงานบริษัท เข้าประเทศไทยเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา ตรวจผ่านช่องทางสนามบินไม่พบไข้ หลังจากนั้นมารักษา รพ.เอกชน ด้วยอาการไข้ และไอ เมื่อวันที่ 2 มี.ค. ปัจจุบันรักษาที่ รพ.ชลบุรี
รายที่ 2 เป็นชายไทยอาชีพพนักงานบริษัท อายุ 42 ปี มีประวัติเดินทางมาจากประเทศอิตาลีเข้าไทยเมื่อวันที่ 2 มี.ค. มารักษาด้วยตนเองเพราะตอนผ่านด่านไม่มีไข้ ขณะนี้รักษาตัวใน รพ.แห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ทั้ง 2 ราย ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
รายที่ 3 เป็นชายชาวจีน อายุ 22 ปี เป็นนักศึกษาเดินทางจากประเทศอิหร่าน เพื่อมาต่อเครื่องเมื่อวันที่ 1 มี.ค. รายนี้เจ้าหน้าที่ด่านควบคุมโรคที่สุวรรณภูมิพบมีไข้ไอมีน้ำมูก ระหว่างรอต่อเครื่องจึงส่งเข้ารักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร
รายที่ 4 เป็นชายไทย อายุ 21 ปี เป็นนักศึกษากลับจากประเทศอิหร่านเมื่อ 27 ก.พ. ตอนที่เดินทางผ่านด่านที่สนามบินไม่มีไข้ ไม่มีอาการระบบทางเดินหายใจ ได้เข้ารักษาใน รพ.แห่งหนึ่งใน จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้ติดตามผู้สัมผัสของผู้ป่วยทั้ง 4 ราย และเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อแล้วอยู่ระหว่างรอผลแล็บ
ในส่วนของแรงงานชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศแล้วลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ภายหลังเดินทางมายังประเทศไทย แต่กลับไม่ยอมกักตัวเองอยู่ในที่พักเพื่อดูอาการตามที่หน่วยงานร้องขอความร่วมมือ จนโลกออนไลน์ต้องนำข้อมูลภาพออกมาแชร์และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เช่น กรณีของหญิงสาวชาวจ.เชียงราย ที่กลับจากประเทศเกาหลีแล้ว พาครอบครัวไปกินหมูกะทะ ทำให้ทางร้านต้องปิดให้บริการ ก่อนล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเป็นเวลา 1 วัน ขณะที่เจ้าตัวขอโทษสังคมอ้างว่า ไม่ทราบว่าต้องกักตัวอยู่บ้าน ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ นอกจากนี้ยังมี สาวไทยอีกรายที่กลับจากเกาหลีแล้วมานั่งกินหมาล่าในร้านแห่งหนึ่ง พื้นที่ จ.เชียงใหม่ ภายหลังโลกออนไลน์นำมาแฉข้อมูล จนผู้บริหารต้องสั่งปิดร้าน ก่อนประสานเจ้าหน้าที่เข้าทำความสะอาดและพ่นฆ่าเชื้อโดยเร็ว
นอกจากนี้ ยังมีแรงงานไทยบางคนที่ไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่พอเดินทางกลับประเทศกลับไม่ยอมกักตัวอยู่บ้านเพื่อดูอาการ 14 วัน เช่น หญิงสาวรายหนึ่งออกไปกินข้าวในร้านอาหารแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต โดยฝ่ายหญิงสาวอ้างว่า กลับมาแล้วมีการตรวจดูอาการจากเจ้าหน้าที่ ก็พบว่าไม่มีอาการแต่อย่างใด พอผ่านไป 10 วันเลยออกมากินข้าวตามปกติ ยอมรับว่ายังไม่ได้กักตัวเองถึง 14 วันตามที่หน่วยงานขอความร่วมมือส่งผลให้ทางร้านอาหารดังกล่าว ต้องปิดทำความสะอาดและแจ้งเจ้าหน้าที่มาช่วยฉีดพ่นฆ่าเชื้อโรคในทันที
ด้าน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องท้องที่นอกราชอาณาจักร ที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 พ.ศ.2563 ให้ 4 ประเทศเป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย คือ 1.สาธารณรัฐเกาหลี 2.สาธารณรัฐประชาชนจีนรวมถึงเขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง 3.สาธารณรัฐอิตาลี และ 4.สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป.
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึง การเฝ้าระวังกลุ่มแรงงานไทยว่าหากมีคนฝ่าฝืนการกักตัวดูอาการ 14 วัน จะมีความผิดตามมาตรา 34 (1) พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 มีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หากจะออกนอกพื้นที่ต้องแจ้งเจ้าพนักงานให้ทราบ เพื่อพิจารณาและให้คำแนะนำมาการป้องกันตัวเองและสังคม ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่าท่านมาจากประเทศเสี่ยง แม้ตอนนี้จะสบายดีไม่ติดเชื้อแต่เพื่อเป็นการป้องกัน โอกาสเกิดการระบาดของโรคต้องทำ เรื่องนี้เป็นจิตสำนึกที่ต้องมีต่อสังคม ขณะที่สังคมต้องรับผิดชอบด้วยการไม่รังเกียจ ไม่ตีตรา ย้ำอีกครั้งโดยรวมเราจะสามารถผ่านสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้ต้องอาศัยความรับผิดชอบของทุกคน.
เครดิตข่าวโดย: เดลินิวส์