16 ก.พ. 2563
ศธ.เล็งจีทูจี หาครูสอนภาษาอังกฤษในประเทศไทย
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.63 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ)เปิดเผยว่า ตนได้เชิญเอกอัครราชทูตกว่า 10 ประเทศ และหน่วยงานต่างประเทศ ที่มีการใช้ภาษาอังกฤษในประเทศมาหารือ เพื่อขอความร่วมมือในการหาครูที่สอนภาษาอังกฤษหรือสอนวิชาอื่นๆที่เป็นภาษาอังกฤษมาเป็นครูสอนในประเทศไทย ซึ่งทางสถานทูตทราบความต้องการของประเทศไทยแล้วก็จะไปติดต่อองค์กรต่าง ๆ ที่มีครูสอนภาษาอังกฤษ และหาแนวทางที่จะทำให้รัฐบาลต่อรัฐบาลสามารถนำครูต่างชาติมาสอนในประเทศไทยได้มากขึ้น
“ขณะนี้เรามีความต้องการครูที่สอนทั้งภาษาอังกฤษและครูที่สอนวิชาเป็นภาษาอังกฤษหลายพันคน ซึ่งบางโรงเรียนและกระทรวงศึกษาธิการยังหาไม่ได้ จึงขอความร่วมมือจากต่างประเทศ และให้เสนอโครงการ การสอนภาษาอังกฤษต่าง ๆ มาที่เรา เพราะขณะนี้กระทรวงศึกษาธิการมีเป้าหมายจะรับครูสอนภาษาอังกฤษไม่น้อยกว่าหนึ่งหมื่นคน และในปีงบประมาณ 2564 วางแผนรับถึง 28,000 คน เพราะถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญในการยกระดับการใช้ภาษาอังกฤษของเด็กในประเทศไทย”รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ทั้งนี้เป็นการสร้างความคุ้นเคย และสร้างความมั่นใจให้กับเด็กและครูสอนภาษาอังกฤษ ขณะเดียวกันก็เป็นการสร้างโอกาสให้เด็กได้รับความรู้และข้อมูลเพิ่มเติมในโลกออนไลน์ที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เด็กจะได้ประโยชน์เท่านั้น ครูเองก็จะได้ประโยชน์ด้วย
นายณัฏฐพล กล่าวต่อไปว่า ส่วนที่กังวลเรื่องของสำเนียงของครูต่างชาติที่ไม่ใช่เจ้าของภาษาโดยตรงนั้น ตนก็พอรู้อยู่ว่าขณะนี้มีครูฟิลิปปินส์ อินเดีย ไอร์แลนด์ เป็นครูสอนภาษาอังกฤษอยู่ทั่วโลก เขาพูดภาษาอังกฤษทุกคนก็เข้าใจได้ดี เราจะไม่มาสร้างข้อจำกัดในเรื่องนี้ เพราะเราไม่สามารถที่จะได้ครูเป็นคนอเมริกันมาสอนจำนวนมากได้ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจถึงความจำเป็นว่าในการหาครูภาษาอังกฤษว่าเราต้องการสร้างความเชื่อมั่นให้เด็กกล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงออก ถ้าเรายอมรับในบริบทของประเทศต่างๆเราก็น่าจะบริหารจัดการได้ และเทคโนโลยีก็สามารถจะทำให้เด็กสำเนียงชัดขึ้น แม้แต่ประเทศที่เรียกว่าเจริญมากๆในเอเชีย อย่าง สิงคโปร์ สำเนียงเขาก็ไม่ได้เหมือนคนอังกฤษหรืออเมริกันดังนั้นเรื่องนี้ก็ไม่น่าเป็นเรื่องที่กังวล แต่การสอนให้เด็กเกิดความสนุกเป็นเรื่องที่สำคัญมากกว่า และการดำเนินการครั้งนี้ผู้ปกครองจะไม่เสียค่าส่วนต่างใดๆทั้งสิ้น เพราะกระทรวงศึกษาธิการได้ของบประมาณดำเนินการเรื่องนี้ไว้แล้วหลายร้อยล้านบาท
เครดิตข่าวโดย: focusnews